3 ประเภทอาคารที่สร้าง PASSIVE INCOME

การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ เป็นเครื่องมือที่นิยมในการสร้างรายได้แบบ Passive Income แต่ไม่ใช่ทุกประเภทของอาคารที่จะสร้างรายได้แบบนี้ เพราะโจทย์ของการสร้าง PASSIVE INCOME นั้นจะต้องคำนึงถึง YIELD หรือผลตอบแทนของการลงทุนที่จะได้รับ รวมถึงระยะเวลาที่การลงทุนจะคุ้มทุน

.

นี่คือ 3 ประเภทของอาคารที่สามารถลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาวได้

__________________________________________

1. อาคารพักอาศัยให้เช่า (Residential Building)

คือ อสังหาริมทรัพย์ที่ออกแบบมาเพื่อปล่อยเช่าสำหรับการอยู่อาศัย ยกตัวอย่าง เช่น บ้านเดี่ยว บ้านแถว ไปจนถึงอาคารอพาร์ตเมนต์ขนาดใหญ่

วิธีการสร้างรายได้: ค่าเช่ารายเดือน หรือ รายปี

Yield (ผลตอบแทนจากการลงทุน): 8-10%

.

ข้อดี:

ที่พักอาศัยเป็นความต้องการพื้นฐาน ทำให้มีกลุ่มตลาดมาก

สามารถมีแหล่งทุนที่สนับสนุนโครงการประเภทนี้ได้อย่างหลากหลาย เช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน เป็นต้น

.

ความเสี่ยง : แนวทางการออกแบบ: การออกแบบจะต้องคำนึงถึงความต้องการด้านพื้นที่ใช้สอย และขนาดการใช้พื้นที่ให้สัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าและค่าเช่า เพื่อให้เกิดความคุ้มทุนในระยะยาว

_______________________________________________________________________

2. อาคารพาณิชย์ (Commercial Building)
คือ อาคารที่จะปล่อยเช่าให้กับธุรกิจ เช่น
คอมมูนิตี้มอลล์, ตึกแถว, ร้านค้าให้เช่า

Yield (ผลตอบแทนจากการลงทุน): 10-20%

ระยะเวลาคืนทุน: 5-10 ปี

.

ข้อดี: ผลตอบแทนค่อนข้างดีเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนอาคารแบบอื่น

.

ความเสี่ยง: หากพื้นที่ไม่ดึงดูด หรืออยู่ในทำเลที่ไม่ดีพอ อาจจะทำให้ผู้เช่าน้อย และต้องการการวางแผนและบริหารจัดการอย่างเหมาะสม

แนวทางการออกแบบโดย TWIST : พื้นที่พาณิชย์ในปัจจุบันนั้น ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่เปล่าๆ เพื่อให้ร้านค้า หรือธุรกิจมาตั้ง แต่จะต้องเป็นพื้นที่ที่สร้างบรรยากาศ และไลฟ์สไตล์ที่ดีให้กับพื้นที่ชุมชนและเมือง ฉะนั้นอาคารจึงต้องมีเอกลักษณ์ มีการเข้าถึง การสัญจร และแสงสว่างที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดบรรยากาศที่ดีที่สุดในการจับจ่ายใช้สอย

_______________________________________________________________________

3. อาคารโรงแรม หรือบ้านพักตากอากาศให้เช่า (Hospitality Building)
คือ อาคารที่มีการปล่อยเช่ารายวัน สำหรับผู้เดินทาง และนักท่องเที่ยว โดยมักจะอยู่ในพื้นที่เมืองท่องเที่ยว และเมืองที่คนต้องการเดินทางมาติดต่อธุรกิจ

Yield (ผลตอบแทนจากการลงทุน) : 8-10%

ระยะเวลาคืนทุน: 10-12 ปี

.

ข้อดี: รายได้ค่อนข้างสูง และสามารถมีบริการเพิ่มเติมได้ เช่นร้านอาหาร คาเฟ่ สปา เป็นต้น

.

ความเสี่ยง: ต้องการการจัดการที่ค่อนข้างสูง เช่น การทำความสะอาด ดูแลรักษาพื้นที่และส่วนกลาง รวมถึงในกรณีที่อยู่เมืองท่องเที่ยวอาจจะมีช่วง LOW SEASON

.

แนวทางออกแบบโดย TWIST งานออกแบบโรงแรมสมัยใหม่ ไม่ได้มองว่าจะต้องเป็นอาคารขนาดใหญ่เสมอไป แต่จะต้องออกแบบให้โครงการมีเอกลักษณ์ (Uniqueness) สามารถสื่อถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน เช่น โรงแรมสำหรับการท่องเที่ยว จะต้องออกแบบให้โครงการมีรูปทรงชัดเจน เป็นที่จดจำเพื่อเป็นการตลาดทางอ้อมและมีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ส่วนโรงแรมประเภทธุรกิจนั้นจะต้องออกแบบให้มีความคุ้มค่าสูงสุด ตั้งแต่การก่อสร้างไปจนถึงบริหารเพื่อควบคุมให้ราคาเหมาะสมกับผู้ที่จะเข้ามาพักอาศัย

________________________________________

TWIST design studio ทำงานร่วมกับเจ้าของโครงการ ตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มต้นจนช่วยให้อาคารสร้างเสร็จ คือ

.

1. ประเมินความเป็นไปได้และออกแบบเบื้องต้น

(Pre-Feasibility Study + Preliminary Design)

2. ออกแบบงานสถาปัตยกรรมและงานตกแต่งภายใน (Architecture and Interior Design)

3. บริหารโครงการ (Project Management)

ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความมั่นใจระหว่างการลงทุน (Investment) และเอกลักษณ์ของอาคาร (Unique Design) เพื่อให้โครงการโดดเด่น และเป็นแลนด์มาร์กของเมืองต่อไป

.

ปรึกษาพัฒนาโครงการ เบอร์โทร 084-112-4683

Previous
Previous

ออกแบบคอมมูนิตี้มอลล์ (COMMUNITY MALL) ควรคำนึงถึงอะไรบ้าง?